15 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 เวบไซต์มติชนออนไลน์ ได้รายงานว่า เมื่อวานนี้ (14 พ.ค. 52) พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) เป็นประธานประชุมคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาข้อมูลข่าวสารที่มีผลกระทบต่อ สถาบันพระมหากษัตริย์ มีตัวแทนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (สทส.) และกองคดีอาญาเข้า ร่วมประชุมที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กว่า 1 ชั่วโมง
ซึ่งภายหลังการประชุม พล.ต.ท.ธีระเดชได้กล่าวว่า ที่ประชุมได้สรุปกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บไซต์ต่างประเทศในช่วงวันที่ 12-13 เมษายนที่ผ่านมาว่า กรณีดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มีความเห็นสั่งฟ้องและให้ส่งพยานหลักฐานทั้งหมดให้ทางกองบัญชาการสอบสวนกลาง ดำเนินคดีในวันที่ 15 พฤษภาคม นี้
โดยรายงานข่าวได้แจ้งว่า ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการชุดดังกล่าวได้ประชุมไปครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 52 แต่ไม่ได้ข้อสรุป จึงมอบหมายให้สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไปรวบรวมข้อมูลให้ ชัดเจนและนำมาพิจารณาในที่ประชุมอีกครั้ง ซึ่งจากหลักฐานทั้งหมด คณะกรรมการสรุปมีความเห็นสั่งฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ต่อมาในวันนี้ (15 พ.ค. 52) สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงกรณีที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาลเตรียมดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ตนไม่ได้เข้าไปดูแล เพราะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใครผิดใครถูกก็ให้ทำตรวจทำหน้าที่ เพราะถ้าตำรวจทำหน้าที่บ้านเมืองก็เรียบร้อย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้พบความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณในประเทศมอนเตเนโกรบ้างหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังไม่พบ เพราะตนอ่านข่าวจากสื่อมวลชน เมื่อถามต่อว่า มีช่องทางอะไรที่รัฐบาลพอจะจัดการกับพ.ต.ท.ทักษิณได้บ้างหรือไม่ ก็ตอบแต่เพียงว่า ยังไม่ได้ทำ ไม่มีอะไรจะทำและไปทำเรื่องอื่นดีกว่า และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะปล่อยเรื่องนี้ไปก่อนใช่หรือไม่ ก็ตอบว่า "ครับ"
รายงานข่าวในเวบไซต์เดียวกัน ยีงได้เผยแพร่แถลงการณ์ฉบับที่ 3 ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรี ที่ได้ส่งผ่านมาทางคณะทำงานของนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมาย เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 52 เพื่อชี้แจงกรณีถึงกรณีดังกล่าว โดยพ.ต.ท.ทักษิณได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา และระบุว่าจะต่อสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเองอย่างถึงที่สุด ดังนี้
แถลงการณ์ฉบับที่ 3/2552 ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ตามที่มีข่าวในสื่อมวลชนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ข้อสรุป จากการที่ผมได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่างประเทศในระหว่างวันที่ 12-13 เมษายน 2552 ที่ผ่านมาว่า ผมได้กระทำความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และจะดำเนินคดีกับตัวผมตามกฎหมายต่อไปนั้น
ผมทราบเรื่องนี้ด้วยความสะเทือนใจยิ่ง เนื่องจากข้อกล่าวหานี้เป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรง และขัดกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น แม้ผมจะต้องพำนักอยู่ในต่างประเทศก็ตาม ผมเป็นคนไทยคนหนึ่งที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถอยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกับ คนไทยทุกคน และการสัมภาษณ์สื่อต่างประเทศที่อ้างถึงนั้น ไม่มีข้อความใดเลยที่ข้าพเจ้ามีเจตนาที่จะหมิ่นหรือจาบจ้วงพระมหากษัตริย์ ผู้เป็นที่เทิดทูนและเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทุกคน ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและแห่งใดในโลก
ผมขอกราบเรียนว่า ในอดีตมีการพยายามใส่ร้ายป้ายสีและดำเนินคดีกับผมในทำนองนี้หลายคดี แต่อัยการสั่งไม่ฟ้องทุกคดีที่ตำรวจเสนอสำนวนขึ้นไป ผมขอย้ำอีกครั้งว่าผมประสงค์ที่จะเห็นความปรองดองของคนในชาติ ซึ่งความปรองดองจะไม่เกิดขึ้นถ้าปราศจากความเป็นธรรมในสังคม ดังนั้นผมจึงไม่ปรารถนาที่จะเห็นการทำลายล้างกันทางการเมืองในสังคมไทย โดยการยัดเยียดข้อ กล่าวหาที่ปราศจากข้อเท็จจริงและเจตนาของผู้ที่ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ และน่าเสียดายว่าแนวโน้มนี้จะดำรงอยู่ต่อไปอย่างไม่รู้จักจบสิ้น
ผมจะต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผมจนถึงที่สุด แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ ผมจะไม่ยอมให้ผู้ใด ไม่ว่าจะดำเนินการเอง หรือมีใครบงการให้กระทำ มากล่าวหาผมอย่างเป็นเท็จว่าผมมีเจตนาหมิ่นพระมหากษัตริย์ ทั้งๆที่ผมมีความจงรักภักดีและเทิดทูนเหนือหัว และความจงรักภักดีที่ผมมีต่อพระองค์จะยังคงอยู่ในหัวใจของผมจนกว่าชีวิตจะหา ไม่ แม้ตัวผมจะพำนักอยู่หนใดในโลกก็ตาม
พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร
15 พฤษภาคม 2552
ด้านเวบไซต์กรุงเทพธุรกิจ ได้รายงานเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 52 ว่า นพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณได้ออกมาเปิดเผยว่า ทีมทนายของพ.ต.ท.ทักษิณกำลังพิจารณาในรายละเอียดผลสรุปของตำรวจว่ามีเหตุผล และการตีความข้อกล่าวหาอย่างไร เพราะข้อกล่าวหารุนแรง รวมทั้งกำลังพิจารณาว่า หากเป็นการกลั่นแกล้งก็อาจจะฟ้องกลับด้วย
โดยทีมทนายได้เตรียมหลักฐานในส่วนของบทสัมภาษณ์ เจตนาของคำพูดว่าเป็นอย่างที่ตำรวจตีความหรือไม่ และยังจะมีการออกแถลงการณ์ในเร็ว ๆ นี้ด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณยืนยันความจงรักภักดีต่อสถาบันมาโดยตลอด หรือเป็นไปได้ว่าตำรวจถูกแรงกดดันจากฝ่ายการเมืองที่เข้ามาแทรกแซงกระบวนการ ยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม หากมีการแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวจริง พ.ต.ท.ทักษิณก็ต้องเตรียมทนายเพื่อร้องต่ออัยการอย่างแน่นอน เพราะมีหลายเรื่องหลายคดีที่แม้ว่าตำรวจจะสรุปว่าพ.ต.ท.ทักษิณมีความผิด แต่เมื่อถึงชั้นอัยการกลับไม่มีการสั่งฟ้อง
อ่านข่าวนี้ในเวบไซต์มติชนออนไลน์ คลิ้กที่นี่
อ่านข่าวนี้ในเวบไซต์กรุงเทพธุรกิจ คลิ้กที่นี่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น