เวบไซต์ เนชั่นทันข่าว ได้รายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2552 ส.ศิวรักษ์ หรือชื่อจริง สุลักษณ์ ศิวรักษ์ นักคิดนักเขียนชื่อดัง ผู้ต้องหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ได้เดินทางเข้ารายงานตัวต่อศาลจังหวัดขอนแก่น
โดยสุลักษณ์ กล่าวว่า ตนถูกจับในข้อหาหมิ่นสถาบัน แต่ตำรวจยังทำคดีไม่เสร็จ ซึ่งอำนาจของตำรวจให้ประกันตัวได้ 6 เดือน เมื่อครบ 6 เดือนแล้วก็ต้องส่งตัวมาที่ศาล และเมื่อวันที่ 4 พ.ค. 52 ที่ผ่านมา ก็ได้มาที่ศาลจังหวัดขอนแก่น โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัว แต่ต้องมารายงานตัวที่ ศาลจังหวัดขอนแก่นทุก 12 วัน จนกว่าตำรวจจะทำคดีเสร็จ ซึ่งสิ้นเปลืองเวลา ค่าใช้จ่ายด้วย ตนอายุ 76 ปีแล้วก็ต้องมาขอนแก่น อีกทั้งตนก็ยังมีคดีอีกคดีหนึ่งอยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของสน.ชนะสงคราม รวมทั้งได้เปิดเผยว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์มาหาถามว่าจะให้ช่วยอย่างไรได้บ้าง เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็ยังคงช่วยดู แต่ขณะนี้ตำรวจก็ยังไม่ส่งเรื่องไปที่อัยการ และนายกรัฐมนตรีเองก็ต้องการให้ยุติ
สุลักษณ์ยังเปิดเผยอีกว่า ตนได้ยินข่าวเมื่อวันที่ 16 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า นายกรัฐมนตรีก็ต้องการให้ยุติคดี และตอนนี้ก็หวังว่าจะยุติคดี ซึ่งหากนายกรัฐมนตรี เห็นด้วยกับกรรมาธิการวุฒิสภาว่าตนจงรักภักดี ก็น่าจะสั่งให้ยุติคดีได้ ตนหวังว่าในวันที่ 28 พ.ค. นี้คงจะยุติคดีได้ แต่ในระบบราชการไทยก็ยังไม่มีความแน่นอน
ตนเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีน่าจะมีการสั่งการไปที่ตำรวจแล้ว แต่ก็ต้องเข้าใจว่าตำรวจนั้นมีหลายหน่วย บางคนก็ไม่ฟังนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ก็ยังคงมีตำรวจบางคนที่เข้าใจและฟังนายกรัฐมนตรี แต่ตนไม่ขอเอ่ยชื่อ และเขาก็เชื่อว่าคดีนี้เป็นคดีที่จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ จึงหวังว่าตำรวจกับนายกรัฐมนตรีจะทำในสิ่งเป็นประโยชน์ต่อตน และเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองเพราะคนที่รู้จักตนมีทั่วโลกก็รู้ดีว่าตนเป็นคน จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นถ้านายกรัฐมนตรีสามารถที่จะสั่งยุติคดีได้ ก็ถือว่าเป็นการช่วยคนแก่คนหนึ่ง
“ผมได้อ้างว่าคดีของผมนั้นเป็นคดีที่ผมถูกกลั่นแกล้งเหมือนเมื่อครั้งที่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี ในสมัย รสช.ผมต้องสู้คดีถึง 4 ปี และศาลได้ตัดสินว่าจำเลยอาจจะพูดแรงไป พูดไม่สุภาพแต่ทั้งหมดต้องการที่จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จึงไม่มีอะไร ที่จะเอาโทษกับจำเลยได้ทำให้ผมเสียเวลาไป 4 ปี แต่มาครั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลั่นแกล้งผม”
"ทั้งนี้ในคณะกรรมการวุฒิสภาได้มีการเอ่ยถึงผมว่าที่ถูกดำเนินคดีนั้น ถูกกลั่นแกล้งโดยตำรวจ ซึ่งเป็นลูกน้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งตำรวจก็ต้องการยกเลิกคดี แต่ต้องรอให้มีคนสั่งมา"
"ในการต่อสู้คดีทางตำรวจก็เห็นด้วยกับผมเพราะผมอ้างคำตัดสินของศาลเมื่อ ครั้งที่ถูกฟ้องดำเนินคดีในช่วง พล.อ.สุจินดา คาประยูร โดยศาลพูดเองว่าถึงบางคำพูดจะไม่สุภาพ บางคำอาจจะรุนแรง แต่ทั้งหมดนี้ขอยืนยันว่าผมเป็นผู้จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ พูดทั้งหมดเพื่อปกป้องสถาบัน ให้คนเห็นว่าการปกครองแบบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขมีความ สำคัญอย่างไรบ้าง และที่ผมพูดที่ จ.ขอนแก่นก็ไม่แตกต่างที่ พล.อ.สุจินดา เล่นงานผมเลย ซึ่งทำให้ผมเสียเวลาไปถึง 4 ปี"
ทั้งนี้ สุลักษณ์ ได้กล่าวด้วยว่า ตนมองว่ากฎหมายหมิ่นสถาบันคงต้องมีการแก้ไข โดยนักปราชญ์หลายคนเห็นว่าต้องมีการแก้ไข เพราะกฎหมายนี้เป็นสำนัก ใครที่ทำเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพถือว่าเป็นการทำร้ายพระองค์ท่าน และทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์
"ฉะนั้นต้องแก้ไข ไม่เช่นนั้นทุกคนก็อ้างว่าจงรักภักดี แต่ก็ไม่เห็นทำอะไรกัน และการที่มีพระมหากษัตริย์นั้นจะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ราษฎร สถาบันนี้จะต้องได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์บ้าง เปิดเผยได้ โปร่งใสได้ สถาบันนี้ศักดิ์สิทธิ์ พ้นคำวิพากษ์วิจารณ์ ก็จะให้โทษมากว่าให้คุณ ซึ่งนักการเมืองเผด็จการเอามาใช้เป็นเครื่องมือ ดังนั้นผมพูดมา 40 ปี และพูดอย่างนี้มาชัดเจนตลอด คดีนี้เป็นครั้งที่ 3-4 แล้วแต่ก็ไม่เปลี่ยนแปลง ผมเป็นมนุษย์ไม่ใช่กบไม่เปลี่ยนสีไม่เปลี่ยนแนว"
อนึ่ง คดีดังกล่าว พนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่นได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องสุลักษณ์ ศิวรักษ์ จากในเนื้อหาบรรยายพิเศษเรื่อง "ปรัชญาพื้นบ้าน" ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2550 ซึ่งฝ่ายโจทก์ระบุว่ามีข้อความจาบจ้วงสถาบัน โดยสุลักษณ์ได้ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2551 และรศ.กิตติบดี ใยพลู คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ใช้ตำแหน่งยื่นประกันตัวในชั้นศาล ซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกันตัวได้ แต่ต้องมารายงานตัวต่อศาลจังหวัดขอนแก่นทุก 12 วัน
ข้อมูลจากเวบไซต์ เนชั่นทันข่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น